ปัญหาการสูญเสียอาหารนับเป็นประเด็นที่ทุกประเทศล้วนให้ความสำคัญ เนื่องจากการสูญเสียอาหารมีผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของคนในประเทศ รวมทั้งคุณภาพอาหาร และความปลอดภัย สาเหตุของการสูญเสียอาหารแตกต่างกันตามแต่ละบริบทของประเทศนั้น ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและสถานการณ์ท้องถิ่นของประเทศ เช่น การผลิตพืชทางเลือก โครงสร้างพื้นฐาน กำลังการผลิต การตลาดและช่องทางการจำหน่าย
จากการศึกษาวิจัย พบว่าปริมาณของเสียที่เหลือจากอาหารและภาคการเกษตรมีปริมาณที่สูงในขณะที่ทั่วโลกประสบปัญหาความขาดแคลนอาหารในหลายพื้นที่ ดังนั้นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) จึงมีเป้าประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการลดการสูญเสียอาหาร ตัวชี้วัดที่พิจารณาสำหรับเป้าประสงค์นี้ได้ถูกเสนอมาใช้ คือ ตัวชี้วัดที่ 12.3.1 ดัชนีการสูญเสียอาหารของโลก (Global Food Loss Index) โดยแบ่งเป็น 2 sub-indicator คือ 12.3.1.a Per capita food waste (kg/per year) และ 12.3.1.b Global food loss index
ซึ่งเป็นการวัดการสูญเสียทั้งหมดตั้งแต่ช่วงของการผลิตในภาคการเกษตรจนถึงการบริโภคอาหารของผู้บริโภค ซึ่งพิจารณาจากแบบจำลองเป็นหลัก โดยใช้ข้อมูลปฐมภูมิที่เก็บจากแบบสอบถามของภาครัฐในการผลิตสินค้าการเกษตร หรือการเก็บเกี่ยว จากเอกสารที่เป็นทางการและเชื่อถือได้[1]
จากงานวิจัยในปี 2009 พบว่า การสูญเสียที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ทุกขั้นตอนของการผลิตและบริโภค (รูปที่ 1) อย่างไรก็ดี อัตราส่วนของของเสียที่เกิดขึ้นนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกัน อาทิ ในกลุ่มประเทศอเมริกาเหนือพบว่าร้อยละ 61 ของของเสียเกิดขึ้นที่ช่วงการบริโภค ดังนั้นการสร้างความตระหนักให้กับประชาชน ในขณะที่กลุ่มประเทศลาตินอเมริกา มีสัดส่วนการสูญเสียเท่า ๆ กันในเกือบทุกขั้นตอน และกลุ่มประเทศเอเชีย แอฟริกาพบการสูญเสียที่ช่วงของการผลิตและเก็บผลิตภัณฑ์ และทุก ๆ ประเทศมีการสูญเสียที่น้อยที่สุดในช่วงการแปรรูป รูปที่ 1 การสูญเสียอาหารและขยะอาหารแบ่งตามภูมิภาคและห่วงโซ่อุปทานอาหาร ปี พ.ศ. 2552 (ร้อยละของกิโลแคลอรี่ที่สูญเสีย
รูปที่ 1 การสูญเสียอาหารและขยะอาหารแบ่งตามภูมิภาคและห่วงโซ่อุปทานอาหาร ปี พ.ศ. 2552 (ร้อยละของกิโลแคลอรี่ที่สูญเสีย) [2]
FAO ให้นิยามว่า อาหาร (Food) คือ วัตถุที่มีไว้สำหรับให้มนุษย์บริโภค ดื่ม เคี้ยว ซึ่งอยู่ในรูปของวัตถุดิบ กึ่งแปรรูป หรือที่ผ่านการแปรรูป หรือวัตถุที่ใช้สำหรับการผลิต เตรียม หรือมีไว้สำหรับเป็นอาหาร แต่ไม่รวมเพื่อสำหรับเป็นเครื่องสำอาง บุหรี่ และยา[3]
นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้คำจำกัดความของ “การสูญเสียอาหาร (food losses)” และ “ขยะเศษอาหาร (food waste)” ไว้แตกต่างกัน โดย Parfitt et al., 2010 ได้ระบุใน Global Food Losses and Food Waste (2011) ว่าการสูญเสียอาหารคือการลดลงของมวลอาหารในส่วนที่สามารถบริโภคได้และเกี่ยวข้องกับการบริโภคของคนเท่านั้น ซึ่งจะพิจารณาในทุกขั้นตอนตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน โดยที่ “การสูญเสียอาหาร (food losses)” จะพิจารณาในขั้นตอนการผลิต การจัดการหลังเก็บเกี่ยว และในขั้นตอนของการแปรรูปในห่วงโซ่อุปทาน ส่วนการสูญเสียอาหารที่เกิดขึ้นในระหว่างขั้นตอนสุดท้ายของห่วงโซ่อุปทาน (การค้าปลีก และการบริโภคขั้นสุดท้าย) จะเรียกว่า “ขยะเศษอาหาร (food waste)” ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับผู้ค้าปลีกและพฤติกรรมของผู้บริโภค ดังนั้น การสูญเสียอาหาร หรือ ขยะเศษอาหาร เป็นการพิจารณาการสูญเสียผลิตภัณฑ์ที่เป็นผลมาจากการบริโภคของมนุษย์โดยตรงเท่านั้น ไม่รวมถึงการให้เป็นอาหารสัตว์ การป้อนเป็นพลังงานเชื้อเพลิง และส่วนที่ไม่สามารถรับประทานได้[1]
รูปที่ 2 ขอบเขตการสูญเสียอาหารและขยะเศษอาหารตลอดห่วงโซ่อุปทาน[4]
นอกจากนี้ FAO (2014) [5] ยังมีการให้การจำกัดความของการสูญเสียอาหาร (Food Loss) ว่า“การลดลงในปริมาณหรือคุณภาพของอาหาร” ซึ่งขยะเศษอาหาร (Food waste) เป็นส่วนหนึ่งของการสูญเสียอาหารที่มาจากการทิ้ง หรือที่ไม่ได้มีไว้เป็นอาหารที่ปลอดภัยและมีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับการบริโภคของมนุษย์ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทานอาหาร (Food Supply Chain) ซึ่งพิจารณาตั้งแต่การผลิตFAOSTAT ได้จำแนกกลุ่มประเภทอาหารไว้ 7 กลุ่ม [1] ตาม Food Balance Sheet ดังนี้
นอกจาก FAO (2013) ได้แบ่งกลุ่มอาหารออกเป็น 7 กลุ่มอาหารดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีอาหารบางประเภทที่ไม่ถูกนำมาพิจารณา [ุ6] [7] ดังนี้
FAO (2011) [ุ8] ได้ระบุว่าในการพิจารณาการสูญเสียอาหารและเศษขยะอาหารสามารถพิจารณาตามขั้นตอน (Stage) ของห่วงโซ่อุปทานอาหาร (Food Supply Chain) ซึ่งมี 5 ขั้นตอน ดังนี้
โดยการคำนวณความสูญเสียนั้นมาจากการคำนวณในแต่ละกิจกรรมย่อย อ้างอิงตามวิธีคำนวณ Food Loss Measurement จาก FAO [9]
[1]FAO. 2011. Global food losses and food waste—extent, causes and prevention. Rome: UN FAO.
[2]WRI analysis based on FAO. 2011. Global food losses and food waste—extent, causes and prevention. Rome: UN FAO.
[3]Codex alimentarius commission, procedural Manual, 2013 ใน EU platform on Food Losses and Food Waste: Sub group on food waste measurement Brussels, 31 March 2017, FAO
[4]FAO. 2018. SDG 12.3.1:Global Food Loss Index.
[5]FAO. 2014. [Online]. Available at: https://www.fao.org/platform-food-loss-waste/food-waste/food-waste-measurement/en. [[Accessed on 24 April 2017]
[6]Lipinski, B. et al. 2013. “Reducing Food Loss and Waste.” Working Paper, Installment 2 of Creating a Sustainable Food Future. Washington, DC: World Resources Institute. Available online at https://www.worldresourcesreport.org.
[7]FAO. 2014. SAVE FOOD: Global Initiative on Food Loss and Waste Reduction: Definitional framework of food loss.
[8]FAO. 2011. Global food losses and food waste—extent, causes and prevention. Rome: UN FAO.
[9] FAO Food Loss Workshop, at Department of Agriculture (May, 2019)
ปัจจุบัน การท่องเที่ยวนับว่ามีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโลกและของหลายประเทศ ดังจะเห็นว่าการท่องเที่ยวนั้นเกี่ยวโยงกับอุตสาหกรรมหลากหลายสาขา เช่น อุตสาหกรรมการโรงแรมและที่พัก อุตสาหกรรมอาหารและภัตตาคาร อุตสาหกรรมการขนส่ง เป็นต้น อีกทั้งยังมีส่วนกระตุ้นการลงทุนให้เกิดการหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ทำให้ประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศไทยหันมาสนใจกับการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายประเทศทั่วโลกตื่นตัวและมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและมุ่งเป้าสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการที่สหประชาชาติได้ประกาศเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (UN’s 2015 Sustainable Development Goals; SDGs) เพื่อให้นานาประเทศมีส่วนร่วมในการดำเนินงานตาม SDGs ไปด้วยกันนั้น นอกจากการหารือกันเรื่องตัวชี้วัดที่เหมาะสมกับความยั่งยืนในแต่ละมิติแล้ว รูปแบบการรายงานและวิธีติดตามความก้าวหน้าในการดำเนินการตามเป้าหมายของ SDGs ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ
ปัจจุบันประเทศไทยเผชิญปัญหามลภาวะทางอากาศที่รุนแรงมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในเมืองหลวงและพื้นที่หัวเมืองภาคเหนือ เราจะได้ยินข่าวสารภัยผลกระทบสุขภาพจากมลภาวะทางอากาศโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่น PM2.5 เป็นประจำทุกปี ซึ่งหน่วยงานภาครัฐและภาควิชาการมีความพยายามศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ถึงแม้ว่าหน่วยงานภาครัฐได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติก็ตาม แต่ปัญหาก็ไม่ได้บรรเทาลง จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการหาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
Copyright © 2019 สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (สทย.) โดย ศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ