ปัจจุบันประเทศไทยเผชิญปัญหามลภาวะทางอากาศที่รุนแรงมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในเมืองหลวงและพื้นที่หัวเมืองภาคเหนือ เราจะได้ยินข่าวสารภัยผลกระทบสุขภาพจากมลภาวะทางอากาศโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝุ่น PM2.5 เป็นประจำทุกปี ซึ่งหน่วยงานภาครัฐและภาควิชาการมีความพยายามศึกษาแนวทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ถึงแม้ว่าหน่วยงานภาครัฐได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติก็ตาม แต่ปัญหาก็ไม่ได้บรรเทาลง จึงจำเป็นอย่างยิ่งในการหาแนวทางและมาตรการในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
PM2.5 คืออะไร – PM ย่อมาจาก Particulate Matters ดังนั้น PM2.5 ก็คือฝุ่นละอองที่มีขนาดเล็กมาก โดยมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 2.5 ไมโครเมตร หรือหากเปรียบเทียบกับขนาดเส้นผมของเรา ก็ประมาณ 1 ใน 25 ส่วนของเส้นผ่านศูนย์กลางเส้นผม ทำให้เราไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าและขนจมูกของคนเราก็ไม่สามารถกรองฝุ่นนี้ได้ ถ้ามีฝุ่น PM2.5 ในอากาศปริมาณสูงมาก จะมีลักษณะคล้ายกับมีหมอกควัน ฝุ่น PM2.5 สามารถแพร่กระจายเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ และซึมเข้าสู่กระแสเลือด นอกจากนี้ ตัวฝุ่นเองยังเป็นพาหะนำสารมลพิษอื่นเข้ามาด้วย เช่น โลหะหนัก สารก่อมะเร็ง เป็นต้น
ผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่น PM2.5 สำหรับผู้ที่ร่างกายแข็งแรงเมื่อได้รับฝุ่น PM2.5 อาจจะไม่มีผลกระทบในระยะแรก แต่ถ้าได้รับสัมผัสเป็นระยะเวลานาน หรือมีการสะสมในร่างกาย ก็จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในภายหลังได้ แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว จะได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ผลกระทบต่อสุขภาพสำคัญ ได้แก่ การก่อให้เกิดอาการไอ จาม หรือภูมิแพ้ ส่วนผู้ที่เป็นภูมิแพ้ฝุ่น จะถูกกระตุ้นให้เกิดอาการรุนแรงมากขึ้น การก่อให้เกิดโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหลอดเลือดและหัวใจเรื้อรัง โรคปอดเรื้อรัง หรือมะเร็งปอด นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดผลกระทบทางผิวหนัง เช่น ผื่นผิวหนังอักเสบ ระคายเคืองผิว โรคภูมิแพ้ผิวหนัง กระตุ้นการเกิดอนุมูลอิสระที่จะทำลายผิว เป็นต้น (กระทรวงสาธารณสุข, 2562)
แนวทางการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้น การแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศล้วนแล้วเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ เช่น การภาวนาให้ฝนตก การรอให้ลมเปลี่ยนทิศ การฉีดน้ำขึ้นไปในอากาศ การรณรงค์ให้ประชาชนมีความตระหนักรู้และป้องกันตนเองโดยการใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละออง เป็นต้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วการแก้ไขปัญหาควรแก้ที่ต้นเหตุ โดยต้นเหตุสำคัญของฝุ่น PM2.5 ในเมืองใหญ่นั้น มาจากการใช้รถยนต์ (การเผาไหม้น้ำมันเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์สันดาปภายใน) การลักลอบเผาขยะ การเผาไหม้เชื้อเพลิงในโรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงการก่อสร้างต่างๆ ซึ่งส่งผลให้คุณภาพอากาศแย่ลง
เอกสารอ้างอิง
กระทรวงสาธารณสุข (2562) คู่มือการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) ปี 2563, กระทรวงสาธารณสุข, นนทบุรี.
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ โดยดาวน์โหลดเอกสารทางด้านล่าง:
สถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้จัดงานประชุมกลุ่มย่อย (Focus group) เพื่อรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากหน่วยงานองค์กรภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ รวมไปถึงนักวิชาการ จำนวนทั้งสิ้น 15 หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นการพัฒนาฐานข้อมูลตัวชี้วัดความยั่งยืนและบัญชีสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการ “การวิเคราะห์ฮอตสปอตโดยใช้แบบจำลองการวิเคราะห์ปัจจัยการผลิตและผลผลิตเพื่อพัฒนาตัวชี้วัดการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศไทย” ในวันพฤหัสบดีที่ 15 กันยายน 2565 เวลา 9.00–13.00 น. ณ ห้อง มาร์ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร โดยมี รศ.ดร.ธำรงรัตน์ มุ่งเจริญ ประธานกรรมการบริหาร สถาบันฯ เป็นประธานในพิธีกล่าวเปิดงานการประชุม
ด้วยสถาบันเทคโนโลยีและสารสนเทศเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้กำหนดจัดงานประชุมกลุ่มย่อย (Focus group) เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการวัดการหมุนเวียนของวัสดุในอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศไทย ในวันจันทร์ที่ ๑๕ – วันพุธที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. ณ ห้องประชุมเจมินี่ และวีนัส ชั้น ๓ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อคัดเลือกตัวแทนวัสดุก่อสร้างและพิจารณาตัวเลขการหมุนเวียนของวัสดุ (Material Circularity Indicator: MCI) ในอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศไทย: กลุ่มวัสดุมุงหลังคาและฝ้าเพดาน กลุ่มท่อประปาและท่อร้อยสายไฟ กลุ่มประตูและหน้าต่าง (กระจก) และกลุ่มกระเบื้องไวนิล กลุ่มอิฐ กลุ่มสุขภัณฑ์ และกลุ่มกระเบื้องเซรามิก รวมทั้งหาค่ามาตรฐานกลางของผลกระทบสิ่งแวดล้อมและการหมุนเวียนของวัสดุก่อสร้าง ซึ่งสามารถระบุประสิทธิภาพของวัตถุดิบทั้งหมดที่ใช้ที่ต้องมาจากส่วนประกอบที่นำกลับมาใช้ใหม่หรือวัสดุรีไซเคิลที่มีประสิทธิภาพการรีไซเคิลสูง รวมทั้งไม่มีของเสียเกิดขึ้นระหว่างการผลิต และเมื่อผลิตภัณฑ์หมดอายุจะต้องนำมาใช้ซ้ำหรือนำกลับมาใช้ใหม่ (Zero Waste) ซึ่งระดับการหมุนเวียนวัสดุของวัสดุก่อสร้างสามารถนำไปต่อยอดการคำนวณประเมินการหมุนเวียนของวัสดุในระดับการก่อสร้างอาคาร รวมทั้งเสนอแนะ แนวทางการใช้วัสดุก่อสร้างที่สนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน นำไปสู่การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๓ (พ.ศ. ๒๕๖๖-๒๕๗๐) ซึ่งนับเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญ ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้างเพื่อแสดงถึงการหมุนเวียนของวัสดุได้
งานประชุมกลุ่มย่อย (Focus group) ดังกล่าว เกิดขึ้นภายใต้โครงการ “การพัฒนาระบบก่อสร้างอาคารโครงสร้างเหล็กสำเร็จรูปด้วยดิจิทัลแพลตฟอร์มเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน” ซึ่งในรับงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) โดยกลุ่มเป้าหมาย คือ ผู้แทนจากส่วนราชการ สถาบันการศึกษา นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดนโยบายด้านระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน
รวมทั้งผู้แทนจากหน่วยงานและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม ๗ กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มวัสดุมุงหลังคา กลุ่มอิฐ กลุ่มฝ้าเพดาน กลุ่มวัสดุปูพื้น กลุ่มประตูและหน้าต่าง (กระจก) กลุ่มท่อ (PVC) และกลุ่มสุขภัณฑ์
ปัญหาการสูญเสียอาหารนับเป็นประเด็นที่ทุกประเทศล้วนให้ความสำคัญ เนื่องจากการสูญเสียอาหารมีผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารของคนในประเทศ รวมทั้งคุณภาพอาหาร และความปลอดภัย สาเหตุของการสูญเสียอาหารแตกต่างกันตามแต่ละบริบทของประเทศนั้น ๆ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขและสถานการณ์ท้องถิ่นของประเทศ เช่น การผลิตพืชทางเลือก โครงสร้างพื้นฐาน กำลังการผลิต การตลาดและช่องทางการจำหน่าย
จากการศึกษาวิจัย พบว่าปริมาณของเสียที่เหลือจากอาหารและภาคการเกษตรมีปริมาณที่สูงในขณะที่ทั่วโลกประสบปัญหาความขาดแคลนอาหารในหลายพื้นที่ ดังนั้นเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) จึงมีเป้าประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับการลดการสูญเสียอาหาร ตัวชี้วัดที่พิจารณาสำหรับเป้าประสงค์นี้ได้ถูกเสนอมาใช้ คือ ตัวชี้วัดที่ 12.3.1 ดัชนีการสูญเสียอาหารของโลก (Global Food Loss Index) โดยแบ่งเป็น 2 sub-indicator คือ 12.3.1.a Per capita food waste (kg/per year) และ 12.3.1.b Global food loss index